ชีวิต    subject 
   

       อยากบอกเหลือเกินว่าตอนเข้ามาเรียนที่ dent ใหม่ๆก็ค่อนข้างจะภูมิใจนะว่าเราก็มีฟันที่สวยงาม    เวลายิ้มก็พอจะมีคนชมบ้าง
โดยเฉพาะตอน ent ติดคณะนี้ใหม่ คนนั้นคนนี้ก็บอกว่าสมแล้วที่ติดคณะนี้    ดูสิคุณหมอฟันสวยเชียว  ได้ยินอย่างนั้นก็เลยยิ่งปลื้ม 
ยิ่งปลื้มก็ยิ่งยิ้ม ยิ้มเข้าไปแต่พอขึ้นปี 2 ก็เริ่มยิ้มน้อยลงเพราะเวลาคุยกับรุ่นพี่ที่คณะเค้าเห็นฟันเราแล้วก็จะชื่นชมเหมือนคนทั่วไป
ที่เค้าทำกันนั่นแหละ    แต่มันไม่จบเท่านั้น เพราะด้วยความเป็นห่วงหรืออยากจะ psycho เราก็ไม่ทราบได้ พวกพี่ๆจึงมักมีประโยค
ต่อท้ายมาเสมอๆ    ว่า อย่างนี้ไม่รอดแน่ ส่วนเราก็สงสัยสิว่า ไม่รอดแน่นี่มันอะไรกัน พี่เค้าก็จะเล่าให้ฟังว่า    ก็พวกที่มีฟันเรียงตัว
สวยงาม ปากกว้างๆ frenum ชัดๆ vestibule ลึกๆนี่ เพื่อนๆรักนัก   เพราะว่าลักษณะ oral cavity แบบนี้ ideal ยิ่งนักเหมาะสมอย่างยิ่ง
ในการได้รับเกียรติให้เป็น    subject ของเหล่าเพื่อนๆนั่นเอง ได้ฟังอย่างนั้นก็ยังนึกภาพไม่ออกเท่าไรว่าแล้วมันจะไม่ดียังไงพี่เค้า
ก็จะพูดมาเพียงคำเดียวสั้นๆว่า "เยิน"  จนมาถึงวันที่ได้เข้าใจ     เมื่อเหล่าเพื่อนๆที่รักของเราให้ความไว้วางใจมอบตำแหน่งหน้าที่    
subject นั้นให้ ก็ซ้อมกันยกใหญ่ ก็เข้าใจว่าของมันไม่เคยกว่าจะพิมพ์กันจนได้รายละเอียดครบถ้วนตามที่อาจารย์กำหนดไว้ก็หมด    
alginate กันไปเป็นกระป๋องเลย ส่วนตัว subject น่ะไม่ต้องเป็นห่วงแค่เริ่มรู้สึกปากชา  เพราะทนรับแรงกดที่หนักบ้าง เบาบ้าง ตาม
แต่เพื่อนๆจะกรุณาแรกๆก็ทำตาโตส่งสัญญาณเอาเพราะพูดไม่ได้  พอเพื่อนเอาถาดพิมพ์ปากออกความอัดอั้นตันใจก็พรั่งพรูออกมา
จนเพื่อนหูชาไปก็มี แต่ก็นะเพื่อนกันไม่ว่ากันอยู่แล้ว     พอครั้งหลังๆเพื่อนๆก็เกิดการเรียนรู้ว่าควรออกแรงกดแค่ไหน seal ยังไง 
เอาออกจากปากยังไง   subject เจ็บน้อยลง ที่สำคัญ subject จะเริ่มใช้ภาษาตาส่งตาหวานไม่ใช่สิน่าจะเป็นตาดุมากกว่าที่คอยบอกว่า    
ดีแล้ว พอดีแล้ว หรือไม่ก็ทำตาโตว่า "เจ็บโว้ย" ก็มีจบงานนี้ก็เลยได้ความหมายของประโยคที่ว่า"เพื่อนน่ะ มองตาก็รู้ใจ" แต่อย่างไร
ก็ตาม กว่าเพื่อนๆจะเก่ง ก็เล่นเอา  frenum  ของ    subject   งอนเจ้าของ    ทำตัวหย่อนยานหรือไม่ก็หลบหน้าไม่ออกมาดูโลกเลยก็มี    
ส่วนงานส่งของ subject น่ะไม่ต้องห่วง   เพราะ subject ส่วนใหญ่มักได้ส่งรอยพิมพ์ที่    สวยงามเสมอ เพราะมักใช้เวลาว่าจากการรอ
เพื่อนที่จะมาพิมพ์ปากนั้น ผสม alginat แล้วยัดถาดพิมพ์ปากใส่ปากตัวเอง      รอยพิมพ์ที่ออกมาก็จะสวยงามเพราะตัวเองจะรู้ว่าควร
กดด้านไหนมากด้านไหนน้อย วัสดุไหลแผ่คลุมรายเละเอียดครบหรือยัง    (แต่นี่เป็นความลับนะห้ามฟ้องอาจารย์) แต่การทำบาปน่ะ
ผลกรรมมันกลับมาตอบทนแน่ในชาตินี้นี่แหละไม่ต้องรอชาติหน้าเลย เพราะว่าพอตอนจะส่งงาน final product อาจารย์ท่านให้เขียน
ชื่อคนพิมพ์และชื่อ subject  ไว้ที่ใต้ cast พวก   subject   ตัวดีที่พิมพ์ปากตัวเองก็เลยร้อนตัวต้องวิ่งปรึกษากันยกใหญ่ว่าจะเอายังไง
กันดี    เพราะใจหนึ่งก็กลัวว่าอาจารย์จะจับได้ อีกใจหนึ่งก็เสียดายงานของตัวเองที่ทำมาด้วยสุดฝีมือ   จะให้ทำใหม่ก็ขี้เกียจ ก็เลยใช้
ทางสุดท้ายคือแลกกันกับเพื่อนไปส่ง (อันนี้ก็ความลับอีกนะ)      บาปกรรมที่ตามมาไม่แค่นั้น ด้วยความที่ไม่ค่อยได้ซ้อมเท่าไร ก็เลย
พิมพ์ปากไม่ค่อยเก่งเวลาสอบก็ออกจะเยินเล็กน้อย        ในการสอบพิมพ์ปาก subject จะต้องจัดการคิวของตัวเองให้ดี ไม่ซ้ำซ้อนมัน 
section    เดียวกัน เพราะ subject แบ่งร่างไม่ได้ ที่สำคัญถ้ามีเพื่อนที่จะพิมพ์ปากแล้วอยู่sec ติดกันกับ subject เองก็ต้องดูดีๆหน่อย 
ว่าใครสอบก่อนเพราะถ้าเพื่อนสอบก่อน subject ต้องเตรียมตัวให้ดี เพราะอาจตั้งตัวไม่ทัน ถ้าไม่จำเป็นกรณีนี้ควรหลีกเลี่ยง   แต่ถ้า
สุดวิสัยก็ต้องหาเพื่อนที่ไม่ได้สอบเวลาเดียวกันนั้นเตรียมอุปกรณ์ให้ มิเช่นนั้นล่ะก็เยินแน่ๆ   แต่ก็อาเถอะสุดท้ายแล้ว ก็สอบผ่านกัน
ทุกคน และการได้เป็น subject นั้นความจริงแล้วก็มีข้อดีอยู่เพราะว่าเราได้ช่วยเพื่อน    ทำให้เราได้เพื่อน ทำให้รูว่าคนไหนมือหนัก
มือเบา เวลาเล่นด้วยจะได้ระวังตัวและที่สำคัญทำให้เราเข้าใจความหมายของประโยคที่ว่า    "เพื่อนกันน่ะ มองตาก็รู้ใจ" 


                                                                                                            กำจัดจุดอ้วน " ThE Piggess LiNk!!! "
                                                                                      (คุณคือจุดอ้วนที่สุดของทีมเชิญคะ)